Business Acceleration Value Chain Part 1
สรุปเนื้อหา Business Accelreration Value Chain จากการอบรม Business Acceleration Platform (BAP 2023) ตอนที่ 1
ตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาสรุปเนื้อหาการบรรยายให้ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ และจะได้เข้าใจว่าในหลักสูตรนี้เราเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง
สาเหตุที่ทีมงานเลือกหัวข้อนี้มาเป็นหัวข้อแรกๆ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่หรือคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดที่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร ทำให้กระบวนการทำงานและการออกแบบหน่วยงานหรือ platform ที่จะทำงานเรื่องนี้ขาดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
การทำเรื่อง Acceleration ไม่ว่าจะเป็น Technology acceleration หรือ Business Acceleration ก็ตามจะต้องย้อนกลับไปที่กระบวนการของการวิจัยและพัฒนาหรือการคิดสร้างสรรค์ว่าทำมาอย่างไร หากเป็นการวิจัยและพัฒนาก็จะต้องมั่นใจได้ว่างานวิจัยนั้นมาจากโจทยวิจัยที่ดี (มีความต้องการของตลาดหรือผู้ใช้ที่จะให้แก้ปัญหาดังกล่าว) และเทคโนโลยีหรือองค์ความรู้ที่ใช้ในการวิจัยเพื่อแก้ปัญหานั้น มีศักยภาพในการแข่งขันได้เชิงพาณิชย์ และรวมถึงการไม่ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว
กระบวนการขั้นตอนจากงานวิจัยสู่ทรัพย์สินทางปัญญานั้นก็จำเป็นจะต้องมีการเปิดเผยผลงานการประดิษฐ์คิดค้นต่อผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงก่อน (โดยมากคือหน่วยงานต้นสังกัดของนักวิจัย อาจารย์ หรือภาคเอกชน) เพื่อที่จะได้มีการนำมาสู่กระบวนการประเมินศักยภาพในการขอรับการคุ้มครองและการนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในปัจจุบันนี้หากเป็นการรับทุนจากหน่วยงานให้ทุนภาครัฐ ก็จะต้องปฎิบัติตามที่ พรบ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม (TRIUP Act) กำหนดไว้
ตรงนี้เองก็จะเป็นจุดหนึ่งที่หลายๆ คน หรือห่นวยงานสับสมว่า การทำ Technology Transfer หรือ Technology Licensing เป็นการทำเรื่องของ Acceleration แล้ว จริงๆ เป็นคนละเรื่องเดียวกันครับ ถ้าผลงานนั้นถูกถ่ายททอดออกไปยังผู้ใข้ หรือ มีการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (licensing) ไปยังผู้ขอ ยังไม่นับว่าเป็นการทำ acceleration หรือแม้แต่ incubation แต่อย่างใด เพราะยังไม่มีการจัดตั้งทีมที่จะมาดำเนินการทางธุรกิจซึ่งในระยะแรกอาจจะเป็นทีมที่เรียกว่า Pre-venture team ที่มีนักวิจัย อาจารย์ นศ. เป็นหลัก ทั้งนี้อาจจะมีการทำวิจัยและพัฒนาเพิ่มเพื่อให้ได้ MVP (minimum viable product) หรือ prototype ที่ตรงตามความต้องการผู้ใช้ออกมาก่อน ในขั้นตอนนี้อาจจะถือได้ว่าเป็น Tech Acceleration หากมีการสนับสนุนในเรื่องของการทำ MVP และ R&D ในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ
ดังนั้นในหลายๆ หน่วยงานที่จะทำ acceleration platform หรือ aาccelerator ก็อาจจะต้องเริ่มต้นที่การทำ Technology scouting หรือ IP audit เพื่อให้รู้ว่าหน่วยงานของตนเองมีผลงานหรือทีมงานวิจัยใดที่มีศักยภาพบ้าง แต่ในกรณีที่เป็น accelerator ซึ่งใช้วิธีตั้ง problem statement หรือ topic/area of focus ที่ต้องการ accelerate ชัดเเจนก็อาจจะไม่จำเป็นต้องทำในขั้นตอนนี้ แต่ใช้วิธีประกาศรับสมัครทีมหรือ บริษัท Startups ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการแทนก็ได้ (และเป็นที่นิยมมากกว่าในกรณีของหลายๆ accelerators)
จากนั้นเมื่อมีความชัดเจนของแนวคิดธุรกิจมากขึ้น และต้องการขยับไปสู่การจัดตั้งธุรกิจที่ชัดเจนก็จะเข้าสู่ช่วงของ Venture Building ซึ่งต้องมีทีมที่รับผิดชอบทางธุรกิจอย่างชัดเจน ในกรณีที่นักวิจัยหรืออาจารย์ไม่ประสงค์หรือไม่ถนัดที่จะเป็น CEO, COO ก็อาจจะปรับบทบาทเป็น CSO, CTO หรือแม้แต่กระทั่งเป็น co-founder หรือ advisory board แทน กระบวนการหลักๆ ในขั้นตอน Seed stage หรือ incubation stage นี้ก็เป็นเรืองของการทำ Proof of market, Business Validation, Market discovery และการหาเงินลงทุนขั้นต้น (seed money) เพื่อทดสอบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะทำขึ้นนั้นมีตลาดหรือผู้ใช้ที่ยอมจ่ายเงินซื้อจริงๆ และบ่อยครั้งที่ในขั้นตอนนี้จะจบลงด้วยการ licensing หรือ transfer technology ออกไปแทน
จะเห็นได้ว่าแม้การทำ tech scouting มาจนถึงขั้นตอน pre-venture จะประสบความสำเร็จที่จะไปต่อในขั้นตอน acceleration หรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยการทำงานวิจัยในหน่วยงานก็น่าจะดีขึ้น ได้โจทย์วิจัยที่ชัดเจนขึ้น นักวิจัยเข้าใจเรื่องการทำ demand driven research และเข้าใจ ecosystem สำหรับ research utilization ในสาขาของตนเองมากขึ้น
เป้าหมายที่สำคัญประการหนึ่งของการเป็น accelerator ในหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งยังขาดเรื่องของเงินลงทุนในสเกลที่ใหญ่นั้น ก็ควรจะคำนึ่งถึงเรื่องการสร้าง impact > income ครับ และเน้นที่การเป็น early stage accelerator/ tech accelerator ที่ปั้นบริษัทดีๆ ออกมาสู่ acceleration ecosystem ที่จะมีผู้มารับช่วงต่อไป
ตอนหน้าจะมาเล่าต่อในเรื่องของการทำ acceleration ครับ
#BAP2023 #BusinessAcceleration #Accelerator #startup
